การซื้อคอนโดมิเนียมถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ของหลายคน โดยเฉพาะการวางเงินดาวน์หรือผ่อนดาวน์ในช่วงก่อนโอนกรรมสิทธิ์ แต่ในบางกรณีที่เกิดปัญหา เช่น กู้ธนาคารไม่ผ่าน หรือมีเหตุสุดวิสัยที่ทำให้ไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ ผู้ซื้อหลายคนอาจสงสัยว่าเงินผ่อนดาวน์ที่จ่ายไปแล้วจะสามารถเรียกคืนได้หรือไม่ วันนี้เรามาไขข้อสงสัยกัน
ความแตกต่างระหว่างเงินจอง เงินทำสัญญา และเงินผ่อนดาวน์
ก่อนจะพูดถึงการเรียกเงินคืน เราควรเข้าใจความหมายของเงินแต่ละประเภทที่เกี่ยวข้องกับการซื้อคอนโด ดังนี้
- เงินจอง คือเงินที่ผู้ซื้อจ่ายก่อนวันทำสัญญาจะซื้อจะขาย เพื่อแสดงความตั้งใจในการซื้อ และเป็นการสำรองห้องชุดไว้ให้
- เงินทำสัญญา คือเงินที่จ่ายในวันทำสัญญาจะซื้อจะขาย เพื่อยืนยันความผูกพันตามสัญญา
- เงินผ่อนดาวน์ คือเงินที่จ่ายเป็นงวด ๆ หลังจากทำสัญญาแล้ว เป็นส่วนหนึ่งของราคาคอนโดที่ผู้ซื้อชำระล่วงหน้า
โดยทั่วไปแล้ว เงินจองและเงินทำสัญญาจะถือเป็นเงินมัดจำ ซึ่งโครงการมีสิทธิ์ที่จะยึดได้หากผู้ซื้อผิดสัญญา แต่เงินผ่อนดาวน์ถือเป็นส่วนหนึ่งของราคาสินค้า และไม่สามารถยึดได้เต็มจำนวนหากไม่มีการโอนกรรมสิทธิ์
กรณีที่สามารถเรียกคืนเงินผ่อนดาวน์ได้
หากผู้ซื้อไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์คอนโดได้ เช่น กู้ธนาคารไม่ผ่าน หรือมีเหตุจำเป็นอื่น ๆ ที่ทำให้ไม่สามารถดำเนินการได้ตามสัญญา ผู้ซื้อมีสิทธิ์ที่จะเรียกคืนเงินผ่อนดาวน์ที่ได้จ่ายไปแล้ว โดยมีเงื่อนไขและขั้นตอนดังนี้
- ผู้ซื้อเป็นฝ่ายผิดสัญญา เช่น กู้ไม่ผ่าน หรือเปลี่ยนใจไม่ซื้อ ผู้ขายอาจมีสิทธิ์ยึดเงินจองและเงินทำสัญญาเป็นค่าเสียหาย แต่เงินดาวน์ที่จ่ายไปแล้ว ผู้ซื้อยังสามารถฟ้องร้องเรียกคืนได้ตามกฎหมาย โดยศาลจะพิจารณาดุลพินิจในการคืนเงินส่วนนี้ และอาจลดจำนวนเงินที่ต้องคืนตามความเสียหายที่แท้จริง
- ผู้ขายเป็นฝ่ายผิดสัญญา ในกรณีที่ผู้ขายผิดสัญญา เช่น ก่อสร้างล่าช้า สร้างไม่ตรงตามแบบ หรือไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ตามกำหนด ผู้ซื้อมีสิทธิ์เรียกคืนเงินดาวน์ทั้งหมด พร้อมดอกเบี้ยและค่าเสียหายอื่น ๆ ได้เต็มจำนวน
วิธีการเรียกคืนเงินผ่อนดาวน์
การเรียกคืนเงินดาวน์สามารถทำได้หลายวิธี โดยเริ่มจากการเจรจาและส่งหนังสือแจ้งความประสงค์ขอคืนเงินไปยังโครงการหรือผู้ขายก่อน หากไม่ได้รับการตอบสนองที่เหมาะสม สามารถดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายได้ ดังนี้
- ส่งหนังสือแจ้งขอคืนเงิน ในเบื้องต้นควรส่งหนังสือแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรถึงผู้ขายหรือโครงการ เพื่อขอคืนเงินผ่อนดาวน์ พร้อมระบุเหตุผลและหลักฐานการชำระเงิน
- ฟ้องร้องในคดีผู้บริโภค หากผู้ขายไม่ยอมคืนเงิน สามารถฟ้องร้องเรียกเงินได้ในศาลคดีผู้บริโภค ซึ่งเป็นคดีแพ่งและไม่เสียค่าธรรมเนียมศาล ทำให้การฟ้องร้องเป็นไปได้ง่ายและไม่ยุ่งยาก
นอกจากนี้ อายุความในการฟ้องร้องเรียกคืนเงินดาวน์ยังมีระยะเวลาถึง 10 ปี ทำให้ผู้ซื้อไม่ต้องกังวลหากผ่านมานานแล้วแต่ยังไม่ได้รับเงินคืน การเข้าใจสิทธิ์และขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ซื้อสามารถปกป้องผลประโยชน์ของตนเองได้อย่างเต็มที่ และลดความเสี่ยงจากการสูญเสียเงินโดยไม่จำเป็น