เจ๊งหนัก! เช่า “โรงงาน” ฟ้องอ่วม 19 ล้าน

กรณีศึกษานี้เกี่ยวข้องกับเจ้าของโกดังที่ให้บริษัทยางชื่อดังระดับโลกเช่าพื้นที่เพื่อเก็บสินค้า คู่สัญญาตกลงเช่าพื้นที่ขนาดใหญ่ประมาณ 50 ไร่ โดยมีการวางเงินประกันสัญญาเช่าไว้ประมาณ 18 ล้านบาท เมื่อครบกำหนดสัญญาและผู้เช่าต้องการย้ายออก ทั้งสองฝ่ายได้เดินตรวจสอบอาคารร่วมกันเพื่อประเมินความเสียหาย หลังจากการตรวจสอบพบว่ามีความเสียหายเกิดขึ้นมากมาย ทำให้ผู้เช่าคาดว่าเงินประกันที่วางไว้อาจไม่เพียงพอสำหรับการซ่อมแซม

กรณีศึกษาข้อพิพาทเช่าโกดัง เมื่อทรัพย์สินเสียหาย ผู้ให้เช่าควรทำอย่างไร

แทนที่จะจัดการกับความเสียหายตามสัญญา ผู้เช่ากลับเลือกที่จะย้ายออกไปโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทำให้เจ้าของโกดังต้องออกหนังสือเรียกร้องให้ชำระค่าเสียหายเพิ่มเติม แต่เมื่อผู้เช่าปฏิเสธที่จะจ่าย เจ้าของโกดังจึงตัดสินใจฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย

ความท้าทายสำคัญของคดีนี้คือ การพิสูจน์ว่าความเสียหายเกิดจากการใช้งานผิดประเภทหรือการใช้งานตามปกติ เนื่องจากมีการเช่าอาคารเป็นระยะเวลานาน ตัวอย่างของความเสียหายที่เกิดขึ้น เช่น การใช้รถขนส่งที่มีน้ำหนักมากเกินไป การใช้อาคารผิดประเภท การวางสินค้าหนักเกินกว่าที่กำหนด (เช่น วางยาง 15-20 ชั้น แทนที่จะเป็น 10 ชั้นตามข้อกำหนด) การทำเครื่องหมายหรือตำหนิบนพื้นที่เช่าโดยไม่ลบออกตามที่สัญญากำหนด ความเสียหายที่เกิดกับประตูและส่วนต่าง ๆ ของอาคาร

การดำเนินการทางกฎหมาย

ทีมกฎหมายได้แนะนำให้จ้างวิศวกรมาประเมินความเสียหาย โดยให้ทำรายงานสรุปประเภทของความเสียหาย สาเหตุ และประมาณการค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญในการฟ้องร้อง

นอกจากการเรียกร้องค่าซ่อมแซมความเสียหายแล้ว เจ้าของโกดังยังฟ้องเรียกค่าขาดประโยชน์จากการใช้อาคารด้วย เนื่องจากต้องใช้เวลานานในการซ่อมแซมอาคารขนาดใหญ่ 50 ไร่ให้กลับมาอยู่ในสภาพที่ให้เช่าได้อีกครั้ง โดยค่าขาดประโยชน์ถูกคำนวณจากอัตราค่าเช่าล่าสุดที่ผู้เช่าจ่าย คูณด้วยระยะเวลา 4 เดือน ซึ่งเป็นระยะเวลาที่สมเหตุสมผลสำหรับการซ่อมแซม

ผลของคดี

ศาลพิพากษาให้เจ้าของโกดังชนะคดี โดยกำหนดให้ผู้เช่าต้องจ่ายค่าเสียหายและค่าขาดประโยชน์รวมทั้งสิ้น 19 ล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนเต็มตามที่เรียกร้อง นอกเหนือจากเงินประกันสัญญาเช่า 18 ล้านบาทที่ถูกยึดไว้ก่อนหน้านี้ รวมแล้ว เจ้าของโกดังได้รับค่าเสียหายทั้งหมดประมาณ 37 ล้านบาท

บทเรียนสำหรับธุรกิจให้เช่า

จากกรณีศึกษานี้ มีข้อแนะนำสำหรับผู้ประกอบธุรกิจให้เช่าหรือเจ้าของสถานที่ให้เช่า คือ ควรจัดทำสัญญาเช่าที่รอบคอบ โดยระบุเงื่อนไขให้ชัดเจนเกี่ยวกับรายละเอียดสิ่งปลูกสร้างและอาคาร ขอบเขตความรับผิดของผู้เช่า สิ่งที่ต้องรื้อถอนหรือเก็บรักษาไว้เมื่อสิ้นสุดสัญญา เงื่อนไขการเช่าช่วง (หากอนุญาตให้มีการเช่าช่วง) และค่าปรับหรือค่าขาดประโยชน์กรณียกเลิกสัญญาก่อนกำหนด เป็นต้น

ผู้ให้เช่าควรกำหนดมาตรฐานการใช้งานที่ชัดเจน เช่น น้ำหนักสูงสุดที่อาคารรับได้ ประเภทของสินค้าที่อนุญาตให้เก็บ และวิธีการใช้พื้นที่ที่ถูกต้อง มีกระบวนการตรวจสอบที่เข้มงวด ทั้งก่อนเข้าเช่าและก่อนส่งคืนพื้นที่ โดยบันทึกสภาพอาคารเป็นหลักฐาน สัญญาเช่าที่รัดกุมจะช่วยป้องกันปัญหาและลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจให้เช่าในระยะยาว

share this recipe:
Facebook
Twitter
Pinterest

Still hungry? Here’s more

สร้างบ้านผู้รับเหมาทิ้งงาน สัญญา การชำระเงิน

            เมื่อพูดถึงการสร้างบ้าน หลายคนอาจคิดว่าหลังจากเลือกผู้รับเหมาและเซ็นสัญญาแล้ว ทุกอย่างจะเป็นไปอย่างราบรื่น แต่ในความเป็นจริง กลับมีกรณีที่ผู้รับเหมาทิ้งงานกลางคันอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งอาจสร้างปัญหาและความยุ่งยากให้กับเจ้าของบ้านอย่างคาดไม่ถึง กรณีตัวอย่าง เมื่อผู้รับเหมาทิ้งงาน แล้วกลับมาฟ้องคดี             การก่อสร้างบ้านหลังนี้เดินหน้าไปได้ด้วยดีจนถึงงวดสุดท้าย ผู้รับเหมาเห็นว่าเงินที่เหลือมีน้อย คิดว่าการทำงานต่อไปอาจไม่คุ้มค่า จึงตัดสินใจทิ้งงานหายไปโดยไม่แจ้งให้เจ้าของบ้านทราบ การหายตัวไปนี้ไม่ใช่เรื่องชั่วคราว ผู้รับเหมาหายไปนานถึง

Read More

ผู้รับเหมา ถูกเบี้ยวเงิน! ฟ้องได้ไหม?

            การทำสัญญารับเหมาก่อสร้างเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความระมัดระวัง เพราะหากขาดความรอบคอบอาจนำไปสู่ปัญหาทางกฎหมายที่ซับซ้อน เรื่องราวนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของปัญหาที่เกิดจากการจัดทำเอกสารไม่ถูกต้อง ความซับซ้อนของการทำสัญญา โครงการนี้มีการแบ่งงานออกเป็น 3 สัญญาแยกกัน ได้แก่ สัญญาปลูกสร้างบ้าน สัญญาบิวท์อินภายใน และสัญญาสร้างบ้านพักคนงาน แต่ปัญหาเกิดขึ้นจากความไม่สม่ำเสมอในการลงนามและประทับตรา สัญญาฉบับแรกมีการประทับตราลงนามอย่างถูกต้อง แต่คู่ฉบับกลับมีเพียงลายเซ็นโดยไม่มีตราประทับ สัญญาฉบับที่สองมีเพียงลายเซ็นเช่นกัน

Read More