สารบัญเนื้อหา

คุณสมบัติของ ที่ปรึกษากฎหมาย

       กฎหมาย คือข้อบังคับที่กำหนดขึ้นมาเพื่อใช้บังคับ ควบคุม ความประพฤติของบุคคลในสังคม เป็นเสมือนกฎเกณฑ์ในการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขของสังคมมนุษย์ แต่ด้วยความยากต่อการเข้าใจของข้อกฎหมาย ที่ต้องมีการวิเคราะห์ ตีความต่าง ๆ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายจึงเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญ

   ที่ปรึกษากฎหมาย คือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านกฎหมาย ซึ่งอาจเป็นทนายความ นักกฎหมาย หรือผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์ทางกฎหมายในแต่ละสาขา เช่น กฎหมายธุรกิจ กฎหมายแรงงาน กฎหมายทรัพย์สิน หรือกฎหมายอาญา กฎหมายแพ่งและพาณิชย์

12 คุณสมบัติของ ที่ปรึกษากฎหมาย

     ที่ปรึกษากฎหมาย หรือทนายความต้องเป็นบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญในด้านกฎหมาย เพราะมีหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่หน่วยงาน องค์กร และบุคลทั่วไปในเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย ที่ปรึกษากฎหมาย ควรมีคุณสมบัติ ดังนี้

  1. จบปริญญาตรีในสาขาวิชานิติศาสตร์หรือสูงกว่า
  2. จบการศึกษาเนติบัณฑิตหรือปริญญาโทในสาขาวิชากฎหมาย ทั้งในปนะเทศไทย และจากต่างประเทศ
  3. ไม่เคยต้องโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก ในคดีที่คณะกรรมการเห็นว่าจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่ง วิชาชีพ
  4. ไม่อยู่ในระหว่างต้องโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก
  5. มีทักษะในการติดต่อสื่อสารและประสานงานในการให้บริการทางกฎหมาย
  6. มีใบอนุญาตให้เป็นทนายความ และทำหน้าที่ทนายความในการดำเนินคดีอาญา คดีแพ่ง 
  7. ไม่เป็นบุคคลผู้ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ล้มละลาย
  8. ไม่เป็นโรคติดต่อซึ่งเป็นที่รังเกียจของสังคม
  9. ไม่เป็นผู้มีร่างกายพิการ หรือจิตบกพร่องอันเป็นเหตุให้เป็นผู้หย่อนสมรรถภาพในการประกอบอาชีพ
  10. มีความสนใจในด้านกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม
  11. ไม่เป็นผู้มีความประพฤติเสื่อมเสียบกพร่องในศีลธรรมอันดี และไม่เป็นผู้ได้กระทำการใดซึ่งแสดงให้เห็นว่าไม่น่าไว้วางใจในความซื่อสัตย์สุจริต
  12. ต้องซื่อตรงต่อผู้รับบริการ ผู้ร่วมงานอำนวยการความยุติธรรม ชุมชน ผู้ร่วมสำนักงาน และตนเอง

หน้าที่ของที่ปรึกษาด้านกฎหมาย

  1. ให้คำแนะนำทางด้านกฎหมายต่อหน่วยงาน องค์กรของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรเอกชน รวมถึงการให้คำปรึกษาทางกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่าง ๆ เช่น การวิเคราะห์และประเมินความเสี่ยงทางกฎหมาย การจัดทำเอกสารทางกฎหมาย การแก้ไขข้อพิพาททางกฎหมาย และช่วยเสริมสร้างความปลอดภัยทางกฎหมายในองค์กรธุรกิจ หรือการวางแผนทางกฎหมาย การจัดการกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้น หรือการเป็นตัวแทนในการเจรจาและดำเนินคดีให้กับบุคคลที่ประสบปัญหาและเป็นคดีความ
  2. ให้คำแนะนำเรื่องของข้อคิดเห็นด้านร่างพระราชบัญญัติ กฎ คำสั่ง ระเบียบข้อบังคับรวมถึงเอกสารอันเกี่ยวข้องกับกฎหมายอื่น 
  3. ร่างพระราชบัญญัติและเอกสารต่างๆ ตามที่องค์กรหรือหน่วยงานต่างๆ ต้องการ ซึ่งส่วนใหญ่องค์กรทั้งภารรัฐและองค์กรเอกชน จะมอบหมายหน้าที่ทางด้านกฎหมายให้กับที่ปรึกษาด้านกฎหมายไปเลย เนื่องจากที่ปรึกษาด้านกฎหมายจะมีความรู้ความเข้าใจในด้านนี้อย่างดี 
  4. จัดการด้านร่างพระราชบัญญัติและเอกสารต่างๆ ตามที่องค์กรหรือหน่วยงานต่างๆ ต้องการ
  5. ทำหน้าที่ตีความเกี่ยวกับสิทธิหน้าที่ ข้อผูกพันต่างๆ ทางด้านกฎหมายซึ่งเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานของสถานประกอบการเพื่อให้ฝ่ายจัดการที่อยู่ในระดับสูงกว่ารับทราบ
  6. ช่วยเหลือด้านกฎหมายแก่ทนายความประจำสถาน ประกอบการเกี่ยวกับเรื่องของการว่าความในคดีต่างๆ ทางชั้นศาล หรือในกรณีที่องค์กร หรือหน่วยงานนั้น ๆ ไม่มีทนายความประจำองค์กร หากต้องขึ้นศาลจะต้องมีการจ้างทนายมาเพื่อสู้คดี ที่ปรึกษาด้านกฎหมายสามารถเป็นผู้ที่ช่วยเหลือทั้งการแนะนำข้อมูลหรือเพิ่มเติมรายละเอียดในชั้นศาลได้เช่นเดียวกัน 
  7. ศึกษาและเตรียมความพร้อมในข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง เพื่อป้องกันความเสี่ยงทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นกับลูกความ และเพื่อให้แน่ใจว่าประเด็นต่างๆ จะได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี
  8. จัดทำความเห็นทางกฎหมายและดำเนินการจัดเตรียมเอกสาร เพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานในกรณีที่มีการดำเนินคดีในศาล
  9. ร่าง ตรวจสอบ และแก้ไขสัญญาทางธุรกิจ รวมถึงเอกสารต่างๆ ทางกฎหมาย ซึ่งเกี่ยวข้องกับธุรกิจของลูกความ
  10. ประสานงานกับหน่วยงานรัฐและเอกชน เพื่อบรรลุเป้าหมายของการบริการทางกฎหมาย

บริษัท สำนักกฎหมายธนกฤช จำกัด ดำเนินธุรกิจด้านกฎหมาย และให้บริการทางกฎหมายด้านต่าง ๆครอบคลุมทุกมิติ ทั้งคดีแพ่ง คดีอาญา รับปรึกษาทางกฎหมาย เจรจา ไกล่เกลี่ย ประนอมหนี้สิน ให้คำแนะนำเกี่ยวกับสัญญา เช่น สัญญาผู้ถือหุ้น สัญญาร่วมลงทุน สัญญาจ้างแรงงาน สัญญาจ้างก่อสร้าง สัญญาซื้อ/ขาย สัญญาซื้อ/ขายสินทรัพย์ สัญญาแฟรนไชส์ สัญญาบริการ สัญญาธุรกิจ และสัญญาอื่นทุกประเภท 

อ้างอิง

สำนักงานกฎหมายธนกฤช

25 ซอยเจริญนคร 36 ถนนเจริญนคร แขวงบางลำภูล่าง กรุงเทพมหานคร 10600

สาระความรู้กฏหมาย

ฉ้อโกงประชาชน คืออะไร

ในยุคที่เทคโนโลยีและโซเชียลมีเดียเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น การฉ้อโกงผ่านช่องทางออนไลน์ก็กลายเป็นปัญหาที่พบเห็นได้บ่อยและส่งผลกระทบหนักต่อประชาชนทั่วไป คำว่า “ฉ้อโกงประชาชน” จึงเป็นเรื่องที่ทุกคนควรทำความเข้าใจให้ชัดเจน เพื่อป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของกลโกงต่าง ๆ ที่มีการเผยแพร่ในวงกว้าง ความหมายของการฉ้อโกงประชาชน ฉ้อโกงประชาชน หมายถึง การกระทำโดยทุจริตหลอกลวงประชาชนทั่วไป ด้วยการแสดงข้อความเท็จหรือปกปิดความจริง เพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินหรือผลประโยชน์จากผู้อื่น โดยไม่จำเป็นว่าผู้เสียหายจะต้องเป็นกลุ่มเล็ก ๆ หรือบุคคลใดบุคคลหนึ่งเท่านั้น แต่หมายรวมถึงการหลอกลวงที่เผยแพร่สู่สาธารณะ เช่น การไลฟ์สดผ่านโซเชียลมีเดีย หรือการโพสต์โฆษณาชวนลงทุนในโปรเจกต์ที่ไม่มีอยู่จริง ตัวอย่างเช่น หากมีคนอ้างว่าเป็นกัปตันสายการบิน สามารถบินไปซื้อสินค้าราคาถูกจากต่างประเทศ แล้วเปิดรับเงินลงทุนจากประชาชนทั่วไปผ่านไลฟ์สด

กรรมการยักยอกทรัพย์ เคสจริง เกิดขึ้นแล้ว!!

ในโลกธุรกิจ การบริหารจัดการบริษัทอย่างโปร่งใสและมีความรับผิดชอบเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายต้องให้ความสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบทบาทของกรรมการบริษัทที่มีหน้าที่ดูแลการดำเนินงานและการเงินขององค์กร แต่ในความเป็นจริงก็มีกรณีที่กรรมการบางคนใช้ตำแหน่งหน้าที่ในทางที่ผิด ด้วยการยักยอกทรัพย์สินของบริษัทเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงและสร้างความเสียหายอย่างมากให้กับบริษัทและผู้ถือหุ้น เรื่องราวของกรรมการที่ยักยอกทรัพย์ เคสที่เกิดขึ้นจริงที่เราเคยรับผิดชอบนั้น เป็นกรณีที่กรรมการบริษัทซึ่งเป็นผู้บริหารหลัก มีหน้าที่ดูแลการเงินและบัญชีของบริษัททั้งหมด แต่กลับใช้โอกาสนี้ในการยักยอกเงินของบริษัทไปใช้จ่ายส่วนตัวโดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้ยังมีการสร้างบัญชีปลอมขึ้นมาเพื่อปกปิดการกระทำผิด เช่น การจ้างบุคลากรที่ไม่มีตัวตนจริง หรือการจ่ายค่าสินค้าบริการที่ไม่มีอยู่จริง โดยอาศัยเอกสารปลอม เช่น ใบวางบิลหรือ voucher ปลอม เพื่อหลอกลวงผู้ตรวจสอบและเจ้าของหุ้น การกระทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่เป็นการละเมิดความไว้วางใจของผู้ถือหุ้นและบริษัทเท่านั้น แต่ยังเป็นความผิดทางกฎหมายที่มีบทลงโทษอย่างรุนแรง ผลกระทบและความเสียหายที่เกิดขึ้น เมื่อกรรมการยักยอกทรัพย์สินของบริษัท

โดนโกง ต้องรีบฟ้อง! มีอายุความแค่ 3 เดือน

การฉ้อโกงเป็นอาชญากรรมที่เกิดขึ้นเมื่อมีผู้ใช้วิธีการหลอกลวง บิดเบือนข้อเท็จจริง หรือสร้างความเชื่อถือผิด ๆ เพื่อให้ผู้อื่นส่งมอบทรัพย์สินหรือเงินทอง การกระทำเช่นนี้ถือเป็นการละเมิดกฎหมายอย่างร้ายแรง และผู้เสียหายสามารถดำเนินคดีได้ทั้งทางแพ่งและทางอาญา ตัวอย่างการฉ้อโกงในรูปแบบการลงทุน กรณีที่พบบ่อยในปัจจุบันคือ การหลอกลงทุนในโครงการต่าง ๆ ที่ไม่มีตัวตน เช่น การมีบุคคลมาเสนอโครงการจัดคอนเสิร์ตในช่วงเทศกาลสงกรานต์ อ้างว่าต้องการเงินทุนประมาณ 1.5 ล้านบาท และชักชวนให้นักลงทุนแต่ละคนลงทุนในจำนวน 500,000 บาท ผู้หลอกลวงมักจะสร้างความน่าเชื่อถือด้วยการเสนอผลตอบแทนที่สูงมาก เช่น ได้กำไรถึง 10% ภายในระยะเวลาเพียง

ส่งงานแล้วไม่จ่ายเงิน ทำยังไงดี

หลายคนที่ทำงานอิสระหรือรับงานโปรเจกต์ต่าง ๆ คงเคยเจอปัญหาเดียวกันนี้ นั่นคือ เมื่อส่งงานให้ลูกค้าเรียบร้อยแล้ว แต่กลับไม่ได้รับเงินค่าตอบแทนตามที่ตกลงกันไว้ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิดและสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ทำงานเป็นอย่างมาก ลักษณะการผิดสัญญาที่ควรรู้ เมื่อเราส่งงานให้ลูกค้าครบถ้วนตามที่ตกลงกันไว้ แต่ลูกค้าไม่ชำระเงินค่าตอบแทน นี่ถือเป็นการผิดสัญญาว่าจ้างทำของอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นงานออกแบบ งานเขียน งานพัฒนาซอฟต์แวร์ หรืองานในรูปแบบอื่น ๆ การผิดสัญญาในลักษณะนี้ เกิดขึ้นเมื่อฝ่ายหนึ่งปฏิบัติตามข้อตกลงครบถ้วนแล้ว แต่อีกฝ่ายหนึ่งไม่ยอมชำระเงินตามที่ควรจะเป็น ซึ่งถือเป็นการละเมิดสิทธิ์ของผู้ทำงานและสามารถดำเนินการทางกฎหมายได้ ขั้นตอนแรกในการแก้ไขปัญหา เมื่อเจอปัญหาเช่นนี้ สิ่งแรกที่ควรทำคือ การติดต่อสื่อสารกับลูกค้าอย่างสุภาพและเป็นระบบ ไม่ควรใช้อารมณ์หรือพูดจาในทำนองที่อาจทำให้ความสัมพันธ์แย่ลงไปกว่าเดิม