เมื่อศาลมีคำพิพากษาให้เจ้าหนี้ชนะคดี หลายคนอาจสงสัยว่าทรัพย์สินใดบ้างที่เจ้าหนี้สามารถยึดได้จริง ๆ และกระบวนการทำงานเป็นอย่างไร ในบทความนี้เราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับการบังคับคดีและการยึดทรัพย์สินในกรณีที่มีคำพิพากษากัน
ความหมายของการบังคับคดี
การบังคับคดีคือกระบวนการทางกฎหมายที่เจ้าหนี้สามารถดำเนินการเพื่อให้ได้รับเงินคืนจากลูกหนี้ตามคำพิพากษาของศาล หากลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ตามกำหนด เจ้าหนี้มีสิทธิที่จะขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีเพื่อยึดทรัพย์สินของลูกหนี้
ทรัพย์สินที่สามารถยึดได้
เมื่อเจ้าหนี้ได้รับคำพิพากษาแล้ว ขั้นตอนถัดไปคือการตรวจสอบว่าลูกหนี้มีทรัพย์สินใดบ้างที่สามารถยึดได้ โดยทั่วไปแล้ว ทรัพย์สินที่สามารถยึดได้จะต้องเป็นทรัพย์สินที่มีกรรมสิทธิ์ของลูกหนี้ ซึ่งแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก คือ
1. ทรัพย์สินที่มีทะเบียน เช่น ที่ดิน รถยนต์ หรือหุ้น ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ง่ายและมักจะถูกยึดได้โดยตรง
2. ทรัพย์สินทั่วไป เช่น แหวน นาฬิกา หรือเครื่องประดับอื่น ๆ ซึ่งอาจมีความยุ่งยากในการยึด เนื่องจากลูกหนี้อาจอ้างว่าไม่ใช่ของตนหรือสามารถเคลื่อนย้ายได้ง่าย
ขั้นตอนการยึดทรัพย์
1. การสืบค้นทรัพย์สิน เจ้าหนี้จะต้องทำการสืบค้นว่าลูกหนี้มีทรัพย์สินใดบ้างที่สามารถยึดได้ โดยอาจใช้บริการของทนายความในการตรวจสอบข้อมูล เช่น โฉนดที่ดินหรือเลขบัญชีธนาคาร
2. การขอยึดทรัพย์ หากพบว่ามีทรัพย์สินที่สามารถยึดได้ เจ้าหนี้จะต้องทำเรื่องไปยังกรมบังคับคดีเพื่อขอหมายยึดทรัพย์ โดยต้องแนบเอกสารและหลักฐานที่เกี่ยวข้อง
3. การขายทอดตลาด หลังจากที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการยึดทรัพย์แล้ว จะมีการประกาศขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ โดยระยะเวลาการขายทอดตลาดจะอยู่ประมาณ 1 ปี นับจากวันยึด
ข้อจำกัดในการยึดทรัพย์
กฎหมายมีข้อกำหนดเกี่ยวกับทรัพย์สินบางประเภทที่ไม่สามารถถูกยึดได้ เพื่อปกป้องสิทธิและความเป็นอยู่ของลูกหนี้ ตัวอย่างเช่น
– ทรัพย์สินที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต เช่น โต๊ะ เก้าอี้ หรือเครื่องครัว มูลค่ารวมกันไม่เกิน 50,000 บาท
– เครื่องมือทำมาหากิน เช่น คอมพิวเตอร์หรือเครื่องมือประกอบอาชีพ มูลค่ารวมกันไม่เกิน 100,000 บาท
นอกจากนี้ หากลูกหนี้มีภาระครอบครัวหรือเหตุผลอื่น ๆ ที่จำเป็น ก็สามารถขอให้ศาลพิจารณาเพื่อลดจำนวนเงินที่ถูกอายัดได้
การอายัดเงินเดือนและรายได้
ในกรณีที่ลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สินที่จะให้ยึด เจ้าหนี้สามารถดำเนินการอายัดเงินเดือนหรือรายได้อื่น ๆ ของลูกหนี้ได้ โดยมีกฎเกณฑ์ในการอายัดดังนี้
1. อายัดเงินเดือนสูงสุด 30% ของเงินเดือนก่อนหักค่าใช้จ่าย
2. อายัดโบนัสสูงสุด 50%
3. เงินตอบแทนกรณีออกจากงานสามารถอายัดได้ 100%
การบังคับคดีและการยึดทรัพย์สินหลังจากคำพิพากษาไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายเสมอไป เจ้าหนี้มีสิทธิที่จะเรียกร้องให้ได้รับชำระหนี้ตามกฎหมาย แต่ก็ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนและข้อกำหนดต่าง ๆ ที่กฎหมายกำหนดไว้ เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้รับความเป็นธรรม การเจรจาและการประสานงานระหว่างเจ้าหนี้และลูกหนี้ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้สถานการณ์คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการรุนแรงหรือสร้างความตึงเครียดเพิ่มเติม